วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ลูกเทพ

ลูกเทพ

          ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ยินข่าวตุ๊กตาลูกเทพกันอย่างหนาหู ซึ่งเป็นกระแสที่ค่อนข้างถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในด้านลบ
           รายการโทรทัศน์หลายรายการได้เชิญผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไปให้ความเห็นต่างๆนาๆ
ข่าวมากมายที่ออกมาเกี่ยวกับตุ๊กตาลูกเทพ ที่ทำหน้าที่เพียง แจ้งให้ทราบ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พร้อมกับประโยคที่เราคุ้นเคยทิ้งไว้ท้ายรายการ

"เป็นความเชื่อส่วนบุคคล"


          แน่นอนว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
คนแต่ละคนมีความเชื่อที่ต่างกันและเราก็ไม่สามารถไปละเมิดสิทธิของใครทำได้เพียงวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่เพื่อนร่วมโลกของเรากระทำ
         แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นถึง "ทัศนคติ" ของคนๆนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับที่
เราเห็นทัศนคติของคนจากการที่เขาเลือกจะเลือกดูอะไรหากเปิดโทรทัศน์

เราเห็นทัศนคติของคนจากหนังสือที่เขาเลือกอ่าน

"วัตถุอาจอยู่แค่ชั่วคราว"


          จากกระแสตุ๊กตาลูกเทพในสังคมที่ถูกนำเสนอออกมาทั้งในโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตทำให้ผู้ประกอบการหลายรายได้ออกกฎห้ามนำตุ๊กตาลูกเทพเข้าไปในสถานที่ประกอบการของตนเอง
บ้างก็มีโปรโมชั่นสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ แต่เนื้อหาและเงื่อนไขของโปรโมชั่นก็แสดงออกถึงการเสียดสีและประชดประชันอย่างชัดเจน ทำให้เรารู้ว่า เวลานี้สังคมได้ออกมาแสดงความรังเกียจตุ๊กตาลูกเทพกันอย่างเปิดเผยแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพรู้สึกว่าตนเองนั้นแปลกแยก และเป็นที่รังเกียจของสังคมและอาจส่งผลให้ความนิยมของตุ๊กตาลูกเทพลดลงและหายไปในที่สุด

แต่จะมีประโยชน์อะไร

หากเรายังมีพระที่สร้างวัตถุมงคลเพื่อหากินกับศาสนิกชน?

จะมีประโยชน์อะไร
หากเรายังคงสนใจเรื่องการดูดวง?

จะมีประโยชน์อะไร
หากแม่ค้าในตลาดยังคงที่วัตถุรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายอยู่ในตะกร้าใส่เงิน?

จะมีประโยชน์อะไร
หากเรายังสนใจเรื่องปีชงและวิธีการสะเดาะเคราะห์?

จะมีประโยชน์อะไร
หากนักเรียนนักศึกษายังคงบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ตนเองสอบติด?

จะมีประโยชน์อะไร
หากว่าแนวคิดที่และความเชื่อที่ไร้เหตุผลยังคงอยู่?

เรามาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง?

เป็นคำถามที่ดีที่ทำให้คิดถึงอีกหนึ่งคำถามซึ่งก็คือ
เมื่อก่อนเราเป็นยังไง?
ก่อนที่เราจะรู้จักกับตุ๊กตาลูกเทพ
เรารู้จักกำไลหิน
เรารู้จักจตุคามรามเทพ
เรารู้จักพระขุนแผน
เรารู้จักกุมารทอง
เรารู้จักนางกวัก
และอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเราอยู่ในจุดๆนี้มานานมากแล้ว

แล้วทีนี้เราเห็นอะไรในประเทศที่ประชากรมากกว่าร้อยละ 50 ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในการใช้ชีวิต?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น